
บทความเรื่อง "อาการหวัดและดุลยภาพบำบัด"
เขียนโดย รศ.พญ.ลดาวัลย์ สุวรรณกิตติ
หวัดเป็นอาการอย่างหนึ่งที่ทุกคนรู้จัก ไม่ว่าจน รวย เด็ก ผู้ใหญ่ แม้ว่ามนุษย์พัฒนาเทคโนโลยีไปได้ไกล จนกระทั่งเดินทางออกนอกโลกไปได้ อาการหวัดก็ยังอยู่กับมนุษย์และมีการแพร่กระจายครอบคลุมไปทั่วโลกได้มากขึ้น
ดังนั้นเราน่าจะริเริ่มเรียนรู้การพัฒนาตัวเราเองให้มีภูมิต้านทานเป็นการป้องกันความไม่สมดุลของธรรมชาติและความไม่สมดุลของตัวเราเองตามแนวคิดของดุลยภาพบำบัด
อาการหวัดมีหลากหลาย ทั้งมีเชื้อและไม่มีเชื้อ เช่น หวัดแดด หวัดลม ภาวะดังกล่าวเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติ เมื่อมนุษย์ที่ไม่สามารถปรับตัวเองให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมได้ คำถามต่อมาทุกท่านก็คงจะพูดพร้อมกันว่าอะไรเล่าที่เป็นกลไกในร่างกายอย่างวิจิตรพิศดาร ศัพท์ทางแพทย์เรียกว่า Homeostasis การปรับร่างกายให้สู่ภาวะสมดุลนั่นเอง
ในปัจจุบันสุขภาวะของมนุษย์ต้องรวมไปทั้งจิต กาย สังคม ดังนั้นการปรับจิตให้สมดุลกับกายและสังคม หรือในมุมกลบกายและสังคมดีจิตย่อมดีด้วย การปรับกายย่อมมีหลักการเพื่อที่จะยึดเป็นแกนว่าจะปรับอย่างไรให้สมดุล ท่านลองยืนหน้ากระจกแล้วพิจารณาตัวทานเองว่า ไหล่ ขา แขน สะโพกทั้งสองข้างตรงหรือไม่ ข้างใดเอียงมากกว่ากัน นั่นคือเริ่มด้วยการพิจารณาโรงสร้าง องค์ประกอบของโครงสร้างมนุษย์มีมากมายนับไม่ถ้วน ตั้งแต่กระดูก กล้ามเนื้อ หลอดเลือด เส้นประสาท อวัยวะต่างๆ ทุกระบบย่อมอยู่อย่างสัมพันธ์กันหมด แยกออกจากกันเด็ดขาดไม่ได้เลย มีทั้งระบบที่ตามกันและระบบที่ต้านกันเพื่อการอยู่รอดของมนุษย์ ความสำคัญของโครงสร้างแบบมหภาค (มองด้วยตาเปล่า) ที่อยู่กันอย่างสมดุลเป็นสิ่งแรกที่ควรพิจารณาและปฏิบัติ รักษาตัวเราเองให้อยู่ในภาวะที่มีดุลยภาพด้วยท่ามือเปล่า
เนื้อเยื่อทุกระบบ เลือดแดง เลือดดำ น้ำเหลือง พลังชีวิต (Vital Energy) หรือพลังแฝงในตัวมนุษย์ก็จะเคลื่อนไหวตลอดเวลา สิ่งของสกปรกแปลกปลอมก็จะถูกพัดพาไปตามระบบขับถ่ายของเสียของเราเอง สิ่งที่ดีก็จะเสริมสร้างเข้าแทนที่ในเวลาเดียวกัน พร้อมทั้งปรับระบบจิตให้มีสมาธิมากยิ่งขึ้น ร่างกายก็จะฟื้นฟูด้วยตนเองได้ดีขึ้น ภูมิคุ้มกันที่เรียกร้องจากสิ่งภายนอกก็จะเสริมด้วยอาหาร อากาศในปัจจุบันที่เราช่วยกันรณรงค์ให้สะอาดบริสุทธ์เป็นตัวกระตุ้นส่งผลต่อร่างกายมนุษย์ให้ใช้กลไกตัวเองเข้าสู่ภาวะสมดุลเร็วขึ้น
ตราบใดที่พลังแฝงในตัวเดินได้ครบวงจรได้ตลอดเวลาและสม่ำเสมอ เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อม แดด ลม ฝนหรือเชื้อโรคพัดผ่านสู่ร่างกาย ความรู้สึกสติที่เตรียมพร้อมจนเป็นพฤติกรรม การปรับเปลี่ยนโครงสร้างให้สมดุลตลอดเวลาแล้ว ภายในก็มีการปรับระบบสร้างภูมิคุ้มกันต่อสู้ภายนอกได้อย่างมีระบบและคงทนให้ไม่มีอาการหวัดได้ แม้ว่าจะมีก็ไม่รุนแรง สามารถผ่านพ้นวิกฤติได้ ถ้าจำเป็นใช้ยาก็เป็นระยะสั้น
ทั้งหมดเป็นแนวคิดในการฝึกปฏิบัติของมนุษย์ที่ต้องการพัฒนาตนให้มีความสุขแบบยั่งยืนและเป็นการใช้ทรัพยากรบุคคลให้มีประโยชน์เพื่อลดค่าใช้จ่ายทางยาซึ่งปัจจุบันสูงถึงแสนล้านบาท ในปี 1992 รัฐบาลมีงบประมาณเพียงห้าหมื่นล้านบาทเท่านั้น ขาดดุลไปห้าหมื่นล้านบาท ดังนั้นเมื่อท่านเริ่มพัฒนาโครงสร้างให้สมดุล รับประทานน้ำและอาหาร สูดอากาศบริสุทธิ์อย่างสม่ำเสมอ ลดอาการหวัดได้ก็นับว่าท่านได้สร้างกุศลต่อสังคมในการช่วยประหยัดค่ารักษาพยาบาลของรัฐที่ต้องจ่ายไป ขาดดุลก็จะน้อยลงได้
มาริเริ่มในสิ่งที่ดีงามกันเถอะ เป็นของขวัญรับปีใหม่ให้ตัวเราเอง ครอบครัว สังคมและประเทศชาติ
ตีพิมพ์ใน นิตยสารรุ้ง ปีที่ 6 ฉบับที่ 59 (มกราคม 2537) หน้า 219
PDF File: article_roong59.pdf